ท่องทะเลตราด...ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวง
เรื่อง / ภาพ โดย นิพนธ์ เรียบเรียง
หากเราสามารถนั่งไทม์แมทชีนเพื่อย้อนเวลากลับไปในช่วงที่มีการล่าอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจทางยุโรปอย่างฝรั่งเศส ที่บุกเข้ามายังแถบเอเชีย บรรยากาศในช่วงนั้นคงวุ่นวายตึงเครียดอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นประมุขของประเทศ ซึ่งก็คือสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯรัชกาลที่ 5 ต้องทรงครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อนำพาชาติให้พ้นภัย การตัดสินพระทัยแลกเปลี่ยนเมืองตราดและจันทบุรี กับเมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเกาะกง ทำให้พระองค์ต้องเสด็จมาที่ตราดถึงสิบสองครั้ง
ความงดงามของทะเลและความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของเมืองชายแดนตะวันออกแห่งนี้ มีเสน่ห์มากมายจนแม้กระทั่งปัจจุบัน เกาะใหญ่น้อยทั้ง 52 เกาะกลางทะเลตราดก็ยังเป็นปลายทางของผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติอันบริสุทธิ์ แม้ว่าเราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ แต่การเดินทางตามรอยเสด็จฯ ของพระพุทธเจ้าหลวงในครั้งนี้ ก็นับว่านี่คือการเดินทางครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของชีวิต
เราเริ่มต้นที่น้ำตกธารมะยมบนเกาะช้าง ในวันที่สายฝนโปรยปรายตลอดเส้นทางเดินเท้าเข้าสู่น้ำตกราวห้าร้อยเมตร บรรดาสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เช่น พืชพรรณอย่างมอส ไรเคน สีเขียวๆ เกาะอยู่ตามขอนไม้ผุ ดูราวกับเป็นเครื่องประดับของป่าหน้าฝน ช่วยเพิ่มความน่าสนใจตลอดเส้นทาง
แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือความเปียกลื่นบนก้อนหินอันเนื่องมาจากความชื้น เพื่อนร่วมทางบางคนนั่งก้นจ้ำเบ้ากลางแอ่งน้ำบริเวณหน้าน้ำตก โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมากและนั่นคือตัวอย่างที่ทำให้พวกที่เหลือไม่ประมาทในการก้าวเท้าแต่ละก้าว เรียกได้ว่าเดินอย่างมีสติตามที่พระท่านสอนก็คงพอได้
น้ำตกแห่งนี้นับได้ว่าเป็นสถานที่ทรงโปรดของพระพุทธเจ้า เนื่องจากทรงเสด็จมาถึงสองครั้ง และมีการจารึกไว้บนแผ่นหินที่บริเวณชั้นบนของน้ำตก หลังจากชมความงามกันจนหายเหนื่อย ก็ออกเดินทางต่อไปยังเกาะหมากอันเป็นที่พักของคณะในคืนแรก
ผมเองกลับล่าช้ากว่าเพื่อน เนื่องจากติดพันการถ่ายภาพแบบมาโครกับแมงมุมตัวใหญ่สีเหลืองสดคาดแถบดำ ซึ่งเคยพบเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งที่ทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก เมื่อสิบกว่าปีก่อน จึงเกิดความรู้สึกเหมือนพบเพื่อนเก่าอะไรทำนองนั้น เล่นเอาเพื่อนร่วมทางที่รออยู่มองด้วยสายตาค้อนๆ แต่พอเปิดภาพจากกล้องให้ดูก็เหมือนว่าจะได้รับการอภัย
จากท่าเรือคลองมะยมที่เกาะช้าง ใช้เวลาไม่นานนักกับบนเรือสปีดโบ้ท เราก็มายืนอยู่บนท่าเรือของเกาะหมากหน้าที่พักในคืนแรก ที่ชื่อว่า 'เกาะหมากรีสอร์ท' เป็นรีสอร์ทที่ออกแบบตกแต่งในสไตล์ที่เรียกกันว่า 'Hip resort' บ้านพักแบ่งออกเป็นหลัง ขนานไปกับหาดทรายบริเวณส่วนกลาง เป็นห้องอาหารรูปทรงแบบบาหลี มองเห็นทะเลและเกาะกระดาดอยู่เบื้องหน้า
เกาะหมากแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากเกาะช้างและเกาะกูด เมื่อเทียบกับหมู่เกาะทั้งหมดในทะเลตราด ด้วยพื้นที่ราวสิบสามตารางกิโลเมตรของเกาะหมากนี้ มีเรื่องเล่ากันว่าเดิมผู้ที่มาจับจองทำสวนมะพร้าวบนเกาะนี้เป็นชาวจีนนามว่า เจ้าสัวเส็ง มีตำแหน่งปลัดฝ่ายจีนในสมัยรัชกาลที่ห้า ต่อมาจึงขายที่ดินให้หลวงพรหมภักดี (เปลี่ยน ตะเวทีกุล) จนถึงปัจจุบันนี้ที่ดินบนเกาะนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นของลูกหลานสกุลตะเวทีกุล
แสงอาทิตย์ยามเย็นสวยงดงามจนทำให้หลายคนลืมเรื่องอาหารเย็นไปชั่วขณะ พากันหยิบกล้องออกมาเก็บภาพกันอย่างสนุกสนาน
“พระอาทิตย์ตกทุกวัน แต่ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหยุดมองอย่างต้องมนต์สะกด” ผมเคยได้ยินคำพูดทำนองนี้มานานแล้วและพบว่ามันเป็นเรื่องจริง
แผนการที่วางไว้ในวันรุ่งขึ้น ที่จะเดินไปยังจุดชมวิวบนเกาะหมากเป็นอันต้องล้มเลิก เนื่องมาจากสายฝนที่กระหน่ำลงมาแบบไม่ยอมหยุด รายการจึงต้องเปลี่ยนเป็นการนั่งเรือไปยังเกาะกระดาด สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในสมัยรัชกาลที่ห้า และเมื่อขึ้นเหยียบบนเกาะแห่งนี้ เราก็พบกับกวางมากมายจนต้องสอบถามกับผู้นำทาง คำตอบคือ กวางเหล่านี้ถูกนำมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า ต่อมาออกลูกออกหลานมากมาย โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นกวางของเจ้านายจึงไม่มีใครทำร้าย
หลังอาหารกลางวันมื้ออร่อย เราขึ้นรถบรรทุกมะพร้าวเที่ยวชมรอบๆ เกาะ รวมทั้งจุดที่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าหลวงทรงเคยเสด็จมา ด้วยหลักฐานของศาลาประทับ ซึ่งปัจจุบันคงเหลือแต่กองซากกระเบื้อง เนื่องจากผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน
ธรรมชาติยังงดงามสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวที่จะมาเยือนต้องจองมาล่วงหน้า เพื่อพักที่โฮมสเตย์เจ้าของเดียวกับร้านอาหารแห่งเดียวบนเกาะนี้เท่านั้น สำหรับใครที่รักความสงบ ที่นี่น่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง วิถีชีวิตเรียบง่ายกับการทำสวนมะพร้าวและการประมงของชาวบ้าน ก็มีเสน่ห์ชวนให้ลองมาสัมผัสดูสักครั้ง
เราอำลาจากเกาะกระดาดในช่วงบ่าย เพื่อไปยังที่พักบนเกาะกูดที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก บนเกาะกูดมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างน้ำตกคลองเจ้า และในวันที่ฝนฉ่ำ เส้นทางย่อมเปียกลื่น และเราก็ได้เดินอย่างมีสติอีกครั้ง
เส้นทางไปน้ำตกคลองเจ้าต้องเดินเท้าประมาณหนึ่งกิโลเมตร หลังจากขึ้นเรือที่ปีเตอร์แพนรีสอร์ท ที่ตั้งอยู่บริเวณหาดคลองเจ้า จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามบนเกาะกูดเกาะสุดท้ายในน่านน้ำทะเลตราด ครอบคลุมพื้นที่ 105 ตร.กม. มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในตราด รองจากเกาะช้าง
นอกจากนี้บนเกาะกูดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นหาดทรายและน้ำทะเลใสสีมรกต จนได้รับการขนานนามว่า 'อันดามันแห่งทะเลตะวันออก' เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปพักผ่อน เช่น หาดตะเภา หาดคลองเจ้า หาดคลองระหาน หาดคลองหิน และน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้เองที่องค์พระพุทธเจ้าหลวงต้องทรงตรึกตรองอย่างหนักในการแลกเปลี่ยนดินแดนในสมัยนั้น
แสงสุดท้ายของวันทำหน้าที่อีกครั้งเหนือผืนน้ำกลางทะเลตราด มันคงเป็นเหมือนพยานที่รับรู้เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งเมื่อร้อยปีก่อน ณ สถานที่แห่งความทรงจำนามจังหวัดตราด
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังตราด หรือ โทร.1672
\