โดย นิพนธ์ เรียบเรียง
เปิดเส้นทางท่องเที่ยว "สายฮาลาล" จากชุมชนมุสลิมเก่าแก่ในอยุธยา ล่องใต้ท่องเที่ยวชุมชน 5 จังหวัดชายแดนสุดเขตสยาม (สตูล ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา) เชื่อมรวมเส้นทาง 4 รัฐในมาเลเซีย (เปอร์ริส เคดาห์ เปรัค กลันตัน)
หลายปีมาแล้วผมและคณะทีมงานวิจัยแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน นำโดยดร.ปรัชญากรณ์ ไชยคช จากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ลงพื้นที่ลัดเลาะไปรอบเทือกเขาสันกาลาคีรี อันเป็นเส้นพรมแดนทางธรรมระหว่างไทยและมาเลย์เซีย เพื่อทดลองเข้าพักและใช้บริการ Home stay ชายแดนของทั้งสองประเทศนั่น นับเป็นประสบการณ์อันวิเศษตลอดห้าวันที่เรารอนแรมอิ่มเอมกับบรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติอย่างแท้จริง...
และเมื่อไม่นานมานี้ (16 ก.ย. 2560) ที่บริเวณตลาดน้ำอโยธยาก็มีงานมนต์เสน่ห์ท่องเที่ยวชุมชน 5 จังหวัดชายแดนใต้ (สตูล ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา) เชื่อมโยงกับ 4 รัฐ ในมาเลย์เซีย (เปอร์ริส เคดาห์ เปรัค กลันตัน) ขึ้น โดยมีคุณสมชาย เสมมณี ในฐานะตัวแทนจากท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูลเป็นผู้กล่าวเปิดงาน
ผมนั้นเดินทางไปถึงก่อนเวลาเปิดงานพอสมควร เนื่องจากต้องการพบปะพูดคุยกับบรรดาผู้นำชุมชนที่คุ้นเคย อย่างพี่ชนินทร์แห่งชุมชนบ้านทรายขาว จ.ปัตตานี ที่นำพาอาหารท้องถิ่นมาให้ลิ้มรสในงาน รวมทั้งภูมิปัญญาที่น่าทึ่ง อย่างเครื่องจุดไฟในอดีตที่เรียกกันว่า “ตะบันไฟ” นั่นเอง
เรื่องราวในวันวานที่เรานั่งรถจี๊ปสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ขึ้นไปยังจุดชมวิวสูงบนอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว และอื่นๆ ที่ประทับใจ ล้วนถูกหยิบยกมาเล่าสู่กันอย่างเป็นกันเอง และยังมีผู้นำชุมชนบ้านบางปูแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่กำลังได้รับความนิยมด้วยการล่องเรือชมอุโมงค์โกงกาง โดยเราได้แลกเปลี่ยนมุมมองกัน เพื่อสามารถนำไปปรับปรุงในอนาคต
และนอกจากนั้น ก็ยังมีการแสดงจากท้องถิ่นอีกมากมาย ทั้งมโนราห์ รองเง็ง และตารีกรีปัส
คุณสมชายเล่าให้ฟังถึงที่มาในการจัดงานชายใต้ที่อยุธยาว่า มันคือการเชื่อมโยงของชุมชนชาวมุสลิมที่เก่าแก่ดั้งเดิมของทางภาคกลางอย่างอยุธยา และทางใต้รวมไปถึงมาเลย์เซีย โดยอาจเรียกว่า ได้ว่าเป็นเส้นทางฮาลาลก็ว่าได้
และท้ายสุดก็ยืนยันว่าวิถีชีวิตของผู้คนทางชายแดนใต้ ยังดำเนินไปอย่างปกติ แหล่งท่องเที่ยวยังมีนักท่องเที่ยวและความสวยงามสมบูรณ์รอให้ผู้เดินทางแวะมาสัมผัส