รูปๆคำๆ : ศีล...สมาธิ
เรื่องและภาพ โดย นิพนธ์ เรียบเรียง
เรื่องราวในชีวิตการเดินทางตามสายงานอาชีพที่ผมทำอยู่นั้น หลายครั้งมีโชคดีที่ได้เกี่ยวพันกับธรรมและธรรมชาติอยู่บ้าง เช่นครั้งนึงในจังหวัดอุบลราชธานีกลางวัดป่านานาชาติที่ก่อตั้งโดยหลวงพ่อชา พระเกจิสายปฎิบัติที่มีผู้คนเคารพนับถืออย่างมาก วัดนี้จะมีชาวตะวันตกที่เลื่อมใสในพุทธศาสนามาบวชกันอยู่หลายรูป
ในวันที่ผมไปถึงก็มีโอกาสได้สนทนากับท่านเจ้าอาวาสซึ่งเป็นชาวออสเตรเลีย ท่านเล่าให้ฟังถึงที่มาในการมาบวชที่นี่ว่า เดิมก็มาท่องเที่ยวเหมือนคนอื่นทั่วๆไป แต่นานวันเข้าก็เริ่มสังเกตเห็นหลวงพ่อชา และสงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้อยู่นิ่งๆได้นานนัก....
วันนึงจึงตัดสินใจถามท่าน คำตอบของหลวงพ่อที่ทำให้นักท่องเที่ยวคนนี้ถือบวชเป็นพระในกาลต่อมาก็คือ
“โยมรู้ไหมปัญหาของฝรั่งคือรู้มากเกินไป หาเหตุผลกับทุกเรื่อง จึงไม่เป็นสุขเหมือนต้องวิ่งอยู่ตลอดเวลา”
ครับนี่น่าจะตรงกับคำฝรั่งที่เรียกว่า Words of wisdom
ที่วัดแห่งนี้พระสงฆ์จะฉันเพียงมื้อเดียวในช่วงสายๆ และจะมีบริเวณด้านหน้าวัดเป็นโรงทาน ให้ผู้ที่มาทำบุญกินอาหารที่เหลือจากที่พระท่านตักใส่บาตร เพื่อนำไปฉันด้านในแล้ว
มีความร่มรื่นของสถานที่ด้วยต้นไม้เขียวครึ้ม กอไผ่ใหญ่เอนลู่ลม กระรอกวิ่งเล่นสนุกสนานแบบไม่ระแวงอันตราย นก ไก่ หมา แมวเดินอยู่รายรอบคุ้ยเขี่ยกินอาหารที่คนเทไว้ให้ราวกับเป็นงานเลี้ยง
ครับมันเป็นงานเลี้ยงแห่งมิตรภาพข้ามสายพันธุ์ทุกสรรพชีวิตล้วนอยู่ร่วมโลกใบเดียวกัน
ผมหวนนึกไปถึงวันที่เคยเดินป่าเพื่อขึ้นไปถ่ายภาพน้ำตกในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมจำ ได้ว่าต้องไต่ไปตามทางที่สูงชันและลื่น เพราะเป็นช่วงหน้าฝนไหน จะต้องระวังตัวทากไหนต้องระวังกล้องไม่ให้เปียกน้ำ เหน็ดเหนื่อยสาหัสมาก
เมื่อถึงจุดพักกลางวันเพื่อกินอาหาร ผมนั่งบนโขดหิน เปลือยเท้าแช่ลงในแอ่งน้ำเย็นสบาย และแกะห่อใบตองที่มีข้าวเหนียวเนื้อเค็มออกมานั่งกิน ฝูงปลาตัวน้อยๆ (เหมือนกับ Fish spa ที่กำลังนิยมในปัจจุบัน) ก็มารุมตอดเท้า พอให้เพลินๆ ผมแบ่งข้าวให้พวกมัน เรากินมื้อกลางวันด้วยกัน
ในเวลานั้นมันเหมือนได้ดำดิ่งลึกในความรู้สึกบางอย่าง ที่ไม่แปลกแยกแต่หลอมรวมผมกับป่าเขาให้เป็นหนึ่งเดียวกัน จำได้ว่าตัวเองยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยอาการของเด็กสิบขวบ....
หากข้ามพรมแดนไทยพม่า ตรงด่านเจดีย์สามองค์ เขตอำเภอสังขละบุรี จะพบกับ “วัดร้อยเสา” ชื่อนี้มีที่มาจากจำนวนเสาไม้มากมายในชั้นล่างของศาลานั่นเอง บนชั้นสองของศาลา ผมพบกับบรรยากาศสงบเงียบ มีแม่ชีสองสามคนในชุดสีชมพูเดินกวาดพื้นอยู่
ในพม่ามีคำเรียกแม่ชีว่า ”ตีละฉิ่ง” หมายถึง "ผู้ทรงศีล"
ก่อนถ่ายภาพผมยกมือไหว้ในทำนองการขออนุญาต แม่ชีพยักหน้า ผมจึงได้ภาพความสงบเย็นนี้มาเปิดดูในยามที่ร้อนใจ...