ททท.ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวกับสิงคโปร์แอร์ไลน์
หวังดึงตลาดโอเชียเนียและแอฟริกาเข้าไทย
27 กุมภาพันธ์ 2560 : นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ นายโก๊ะ ชุน ปง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน เพื่อเพิ่มกำลังทางการตลาดให้รองรับนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และแอฟริกาใต้ให้เดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น ณ ห้อง Conservatory The House on Sathorn-Bangkok, W Hotel
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นตลาดในพื้นที่ตลาดเป้าหมาย ได้แก่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และแอฟริกาใต้ ให้เดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น
เนื่องจากสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์บินจากประเทศสิงคโปร์สู่เมืองหลักทางการท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่กว่า 89 เที่ยวบิน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ มีวันพักเฉลี่ยสูงประมาณ 13 วัน และค่าใช้จ่ายต่อวันสูงเช่นกัน (ออสเตรเลีย 6,157 บาทต่อวัน และนิวซีแลนด์ 5,031 บาทต่อวัน)
นักท่องเที่ยวทั้ง 2 ตลาด ชื่นชอบทะเลของไทย รวมถึงกระตุ้นตลาดแอฟริกาใต้ซึ่งมีอัตราเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมกันส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดต่อกัน และเป็นกลไกในการแลกเปลี่ยนความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้น โดยมีสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เป็นพันธมิตรในตลาดการท่องเที่ยวใน 4 ตลาดหลัก โดยมีกรอบความร่วมมือระหว่างกัน นับจากวันลงนามในบันทึกความเข้าใจถึงวันที่ 31 มีนาคม 2562
ทั้งนี้ ททท. และ สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ได้วางแนวทางในการดำเนินงานส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันหลายประการ ได้แก่ การโฆษณาแคมเปญส่งเสริมการขายสินค้าที่เกี่ยวข้อง และการวางยุทธศาสตร์แคมเปญการตลาด การดำเนินการตลาดดิจิตอลเพื่อส่งเสริมประเทศไทย การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อาทิ กิจกรรม Fam Trip กิจกรรม Road Show รวมทั้งการพัฒนาสินค้าด้านท่องเที่ยว และกิจกรรมอื่นๆ ที่ตกลงร่วมกันอีกด้วย
สำหรับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เป็นสายการบินที่มีเครือข่ายเส้นทางบินที่กว้างขวาง โดยมีเส้นทางบินครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และแอฟริกา กว่า 100 เมืองใน 35 ประเทศ จึงเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพและสำคัญ ซึ่งจะสามารถสร้างความสะดวกในการเดินทางมายังประเทศไทยได้มากขึ้น