ประกันภัยไทยวิวัฒน์เปิดตัว 'MARS' Deep Tech Startup
พร้อมโซลูชัน 'MARS Inspect' AI ตรวจสภาพรถยนต์แบบเรียลไทม์ครั้งแรกของไทย
ประกันภัยไทยวิวัฒน์เปิดตัว 'MARS' Deep Tech Startup พร้อมส่งโซลูชันแรก 'MARS Inspect' ที่ใช้เทคโนโลยี AI ตรวจเช็กสภาพรถยนต์แบบเรียลไทม์ และแม่นยำ เพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยตัวคุณเอง ครั้งแรกของวงการประกันภัยไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน InsurTech เติมเต็มประสบการณ์แบบไร้รอยต่ออย่างลงตัว หวังเดินหน้าต่อจิ๊กซอว์การเติบโตแข็งแกร่ง ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2567
นายเทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI ผู้นำนวัตกรรมด้าน InsurTech เปิดเผยว่า ปี 2565 จะเป็นอีกก้าวย่างสำคัญในการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน InsurTech ของ “ประกันภัยไทยวิวัฒน์” ด้วยการนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence: ปัญญาประดิษฐ์) มายกระดับประสบการณ์ด้านประกันภัยของคนไทยให้ก้าวสู่ Next Normal เติมเต็มประสบการณ์แบบไร้รอยต่อได้อย่างลงตัว กับการเปิดตัว “MARS” (Motor AI Recognition Solution) Deep Tech Startup ที่มาพร้อมโซลูชันแรก “MARS Inspect” หรือแอปพลิเคชัน “มาตรวจ” AI ตรวจสภาพรถยนต์แบบเรียลไทม์ที่มีความแม่นยำ สะดวกรวดเร็วโดยผู้บริโภคสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองเพียงปลายนิ้วสัมผัส เพิ่มความปลอดภัยตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน หมดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากบุคคล (Human Error) และช่วยให้การทำประกันภัยรวดเร็วขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับการทำประกันภัยในรูปแบบปกติ นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกจิ๊กซอว์สำคัญช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งผลักดันเบี้ยรับรวมแตะ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2567
โดยตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมประกันภัยของประเทศไทย ภายใต้สโลแกน “คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต” ซึ่ง “ประกันรถเปิดปิด” นับเป็น InsurTech Solution แรกในโลก ที่ลดค่าเบี้ยประกันภัยได้สูงถึง 70% ผู้ใช้รถยนต์สามารถ Top-up เติมชั่วโมงการใช้งานตามต้องการ ภายใต้เบี้ยประกันภัยที่เข้าถึงได้ พร้อมได้ต่อยอดสู่ “ประกันรถเปิดปิด Home Plus” ประกันภัยแรกของไทยที่ให้ความคุ้มครองทั้งรถและบ้านในแผนเดียวกัน และล่าสุดได้เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยงที่ร่วมเดินทางสูงสุด 10,000 บาท ซึ่งนับเป็นการแก้ Pain Point ได้อย่างตรงจุด และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างลงตัว ภายใต้การนำเทคโนโลยีสุดล้ำเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ไร้รอยต่อ (Seamless Experience) อย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้บริษัทฯเติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง เบี้ยรับรวมเติบโตถึง 2 เท่าในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดในปี 2564 กำไรสุทธิเติบโตเกือบ 500% สูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมกว่า 3 เท่า
นายเทพพันธ์ บอกเพิ่มเติมว่า สำหรับลูกค้าที่สนใจทำประกันภัยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MARS Inspect ซึ่งรองรับทั้งระบบ Android และ iOS เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการตรวจสภาพรถยนต์ด้วยตนเองได้แล้ววันนี้ และประกันภัยไทยวิวัฒน์ยังได้มอบสิทธิพิเศษ ให้กับผู้ที่สนใจเปลี่ยนมาใช้ประกันรถเปิดปิด กับแคมเปญใหญ่ Move มารับโปรฯ รับส่วนลดค่าเบี้ย 50% สูงสุดถึง 1,000 บาท สำหรับผู้สมัครใช้งานประกันรถเปิดปิด แบบ Package 4 เดือนขึ้นไป หรือประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up หรือ ประกันรถเปิดปิด Home Plus ทุกแผนความคุ้มครอง ที่ซื้อผ่านช่องทาง Call Center 02-200-7000 หรือ www.thaivivat.co.th ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม – 30 เมษายน 2565
ดร.เฉลิมพล สายประเสริฐ Co-Founder บริษัท Motor AI Recognition Solution จำกัด (MARS) บอกถึง ภารกิจสำคัญของ MARS ว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยี AI มาสร้างประสบการณ์และมาตรฐานใหม่ให้วงการอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ของประเทศไทย ซึ่งได้เริ่มก้าวแรกด้วยการเปิดตัว “MARS Inspect” หรือ “มาตรวจ” แอปพลิเคชันตรวจสภาพรถด้วยเทคโนโลยี AI สุดยอดความแฟร์ โปร่งใส ถูกต้องและแม่นยำ ลดปัญหา Human Error โดยได้มีการนำเอา Convolutional Neural Network (CNN) โมเดลวิเคราะห์ภาพที่ดีที่สุดมาใช้สำหรับตรวจสภาพรถ ภายใต้การออกแบบกระบวนการคิดของ AI ให้เป็นไปตามวิธีการตรวจสภาพรถของมนุษย์มากที่สุด และใช้ฐานข้อมูลจริงที่ประกอบไปด้วยจำนวนภาพชิ้นส่วนของรถมากกว่า 100 ชิ้นส่วน และภาพตรวจสภาพรถกว่า 100,000 ภาพ ที่ได้มาจากเคสการพิจารณาการเคลมประกันรถจริงจากประกันภัยไทยวิวัฒน์ จึงส่งผลให้การระบุชิ้นส่วน และสภาพรถมีความถูกต้องและแม่นยำสูงกว่า 90% อีกทั้งยังได้นำ AI มาช่วยวิเคราะห์คุณภาพของภาพที่ถ่ายแบบเรียลไทม์ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นขณะถ่ายภาพ
ด้านนายชัยเศรษฐ์ สังขมณีนาคร CEO บริษัท Motor AI Recognition Solution จำกัด (MARS) บอกว่า MARS เริ่มต้นก้าวแรกด้วยการเปิดตัวบริการการตรวจสภาพรถยนต์ที่ง่าย และรวดเร็วที่สุด สามารถตรวจได้ด้วยตัวเอง พร้อมผลการวิเคราะห์ที่ชัดเจน กำหนดขีดมาตรฐานใหม่ของการเป็นผู้นำการตรวจสภาพรถยนต์ ซึ่งเตรียมพัฒนาต่อยอดไปยังบริการอื่นๆในทุก Journey ของการทำประกันภัย เบื้องต้นคาดภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะมีโซลูชันใหม่ออกมาเพิ่มเติม เพื่อสร้างประสบการณ์ชั้นยอดให้กับผู้บริโภคและพลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันภัยไทยไปอีกขั้น ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น Deep Tech Company ระดับแนวหน้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดย MARS ได้เสริมประสิทธิภาพการพัฒนาโซลูชัน AI ด้วยบริการ Amazon SageMaker จาก Amazon Web Services (Thailand) หรือ AWS ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยให้สามารถสร้าง เทรน และนำโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งมาใช้ได้อย่างสะดวก ง่ายดายมากขึ้น ภายใต้ระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยสามารถลดระยะเวลาการเทรนโมเดลได้กว่า 80% หรือจากใช้เวลา 1 เดือนเหลือเพียง 6 วัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้นถึง 20% ซึ่งทำให้ทีมงานสามารถมีเวลามากขึ้นในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าและผู้ใช้งาน
ขณะที่นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท Amazon Web Services (Thailand) จำกัด (AWS) บอกว่า ประกันภัยไทยวิวัฒน์มีความโดดเด่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมประกันภัยไทยมาโดยตลอด นับตั้งแต่ประกันรถเปิดปิด ที่เชื่อมต่อด้วย TVI Connect อุปกรณ์เปิด-ปิดประกันอัตโนมัติ พัฒนาโดยใช้ IoT ที่คิดค้นออกแบบเอง และการเปิดตัว MARS นี้นับเป็นอีกครั้งของการสร้างมิติใหม่ให้กับวงการ ซึ่งที่ผ่านมา AWS ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในการดูแลระบบเบื้องต้น โดยใช้ผู้ให้บริการ Cloud ระดับโลกที่มีการการันตี uptime 99.99% และนอกจากนี้ AWS ยังมีระบบ Ecosystem ที่เหมาะกับการพัฒนา AI และ Machine Learning (ML) ใหม่ๆ ทั้งเรื่องของ service ที่ dedicate สำหรับ AI Modeling และการที่มีทรัพยากรที่เหมาะกับการรัน Model จึงมั่นใจได้ถึงเสถียรภาพของบริการ
ทั้งนี้ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยการพัฒนาและทดสอบว่าประกันรถเปิดปิด สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้รถคนไทยด้วยการสร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคจริง ทำให้คนหันมาทำประกันรถยนต์ จากค่าเบี้ยที่ลดลงเป็นจำนวนมาก โดยครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค ทั้งประกัน ชั้น 1 ชั้น2+ และ ชั้น 3+ และที่สำคัญยังมั่นใจว่าผู้ใช้รถคนไทยโดยทั่วไปเหมาะกับแผนประกันรถเปิดปิด เพราะหากผู้บริโภคใช้รถ เฉลี่ยน้อยกว่าวันละ 4 ชั่วโมง จะสามารถลดค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายอยู่สูงสุดถึง 70% ซึ่งจากข้อมูล สถิติคนไทยกว่า 90% ใช้รถน้อยกว่าวันละ 3 ชั่วโมง และนอกจากนี้ยังได้ทดสอบว่านวัตกรรมใหม่นี้ใช้งานได้จริง เพราะแม้จะมีการเปิดปิดเพื่อคิดค่าเบี้ยตามการใช้งานรถ แต่ผู้เอาประกันก็ยังได้รับความคุ้มครองครบตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนประกันที่เลือกซื้อ และที่สำคัญยังมีการบริการแจ้งอุบัติเหตุฉุกเฉิน ที่สะดวก และรวดเร็วผ่านทางแอปพลิเคชัน Thaivivat