'คนไทยพิทักษ์สิทธิ์' สาขาภาคเหนือ รณรงค์รักษาสิทธิ์ส่วนบุคคล
เกี่ยวกับมาตรการบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ๑๙
วันอาทิตย์ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๕ กลุ่ม 'คนไทยพิทักษ์สิทธิ์' สาขาภาคเหนือ ได้จัดให้มีกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้กับสังคมในเรื่องการรักษาสิทธิ์ส่วนบุคคล เกี่ยวกับมาตรการบังคับฉีดวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้กับประชาชนทั่วไป ที่บริเวณ ประตูท่าแพ ตั้งแต่เวลา ๑๖:๐๐ น. เป็นต้นไป
โดยวัตถุประสงค์ของการทำกิจกรรมครั้งนี้เพื่อมีการณรงค์ให้ยกเลิกมาตรการต่างๆที่ออกมาเพื่อกีดกัน/ละเมิดสิทธิ์ ของผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการห้ามการเดินทาง ห้ามการเข้าสถานที่ราชการ ห้ามเข้าเรียน ห้ามรับบริการทางการแพทย์ ห้ามเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา หรือมาตรการอื่นใดก็ตามที่มีการละเมิดสิทธิ์อันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของประชาชนชาวไทย
ทั้งนี้ทางกลุ่มมีเป้าหมายร่วมกันกับทางภาครัฐและภาคประชาสังคมอื่นๆที่ต้องการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ หากแต่มาตรการในการแก้ไขปัญหานั้นต้องยืนอยู่บนหลักฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ และเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคล โดยมีข้อเท็จจริงที่สนับสนุนดังนี้
๑. มนุษย์มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติชนิดที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ดังจะเห็นได้ว่าผู้ที่สัมผัสผู้ติดเชื้อมิได้ติดเชื้อทุกราย ภูมิคุ้มกันทางธรรมชาตินี้สามารถสร้างเสริมให้แข็งแข็งแรงขึ้นได้โดยมิจำเป็นต้องใช้วัคซีน
๒. ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายหลังจากการติดเชื้อเป็นภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถป้องกันการติดเชื้อข้ามสายพันธุ์ได้ สามารถทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ช่วยในการยุติการระบาดของโรคได้ ดังที่เกิดขึ้นมากมายในหลายประเทศ ในหลายชุมชนทั่วโลก
๓. ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อ ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ การฉีดวัคซีนจึงเป็นแค่การป้องกันผู้ที่ฉีดเท่านั้น มิได้เป็นการป้องกันสังคมแต่อย่างใด
๔. มีการรักษาอื่นๆอีกมากมายที่สามารถใช้เพื่อป้องกันการป่วยหนัก ป้องกันการเสียชีวิตได้ โดยมิจำเป็นต้องพึ่งวัคซีน
๕. มีข้อมูลเชิงประจักษ์มากมายที่ยืนยันผลข้างเคียงในระยะสั้นของวัคซีนที่ใช้ได้ในปัจจุบัน ข้อมูลดังกล่าวมีทั้งของมูลในต่างประเทศ และข้อมูลจากฐานข้อมูลของ สปสช นอกจากนี้เป็นที่ยอมรับกันว่า ปัจจุบันยังไม่มีรายงานที่ยืนยันความปลอดภัยของวัคซีนที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาติดตามดูผลเสียระยะยาวที่นานพอ
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่า เหตุผลในการปฏิเสธการฉีดวัคซีนของบุคคลเป็นเหตุผลทางสุขภาพ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๖ ได้บัญญัติไว้ชัดเจนในการห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลเนื่องด้วยเงื่อนไขทางด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ ยังให้สิทธิบุคคลในการเลือกที่จะรับหรือไม่รับการรักษาทางการแพทย์ได้
อนึ่งในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ได้กำหนดให้รัฐมีหน้าที่จัดให้บริการสร้างเสริมภูมิต้านทานโรค แต่มิได้ให้อำนาจรัฐในการบังคับให้บุคคลต้องรับการสร้างเสริมภูมิต้านทางโรคแต่อย่างใด
การรณรงค์ให้มีการรับวัคซีนโดยให้ข้อมูลที่บิดเบือนว่า ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเป็นผู้แพร่เชื้อนั้น มิได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง เพราะมีผู้ที่ได้รับวัคซีนจำนวนมากมายที่ติดเชื้อและแพร่เชื้อได้
การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการสร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกในสังคม อันขัดต่อมาตรา ๕๐ ข้อ ๖ ของรัฐธรรมนูญ อันบัญญัติให้บุคคลมีหน้าที่ที่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นและไม่สร้างความเกลียดชัง ไม่สร้างความแตกแยกในสังคม
อีกทั้งยังขัดต่อมาตรา ๙ ข้อ๓ ของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่บัญญัติห้ามมิให้มีการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ข้อมูลที่บิดเบือนเพื่อทำให้เกิดความหวาดกลัว หรือเข้าใจผิดของประชาชน
จากเหตุผลต่างๆ ข้างต้นทางกลุ่ม คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ จึงขอยื่นข้อเสนอกับภาครัฐให้ดำเนินการดังนี้
๑. ยกเลิกระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่เป็นการละเมิดสิทธิ์ของประชาชนโดยใช้เงื่อนไขเกี่ยวกับการได้รับวัคซีน
๒. ตักเตือน ลงโทษ ผู้ที่กระทำผิดตามข้อ ๑ ที่ยังมีการบังคับใช้กฎระเบียบข้อบังคับที่ละเมิดสิทธิ์เหล่านั้นอยู่
๓. ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน โดยต้องให้ความรู้ในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติด้วยวิธีอื่นๆ นอกเหนือจากการได้รับวัคซีน
๔. เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่ติดเชื้อ ผู้ที่มีอาการป่วยหนัก ผู้ที่เสียชีวิต จากโรคโควิด ๑๙ โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการได้รับวัคซีน ทั้งนี้ควรเปิดเผยข้อมูลในทุกกลุ่มอายุให้สังคมรับทราบ
๕. เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของวัคซีน โดยจัดให้มีคณะทำงานที่มีความเป็นกลางทางวิชาการเข้ามากำกับดูแลหลักเกณฑ์ในการกำหนดว่า ผู้ป่วยรายใดควรเข้าเกณฑ์ว่าได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีน ทั้งนี้คณะทำงานดังกล่าวต้องมีผู้ที่สนับสนุนการฉีดวัคซีนและไม่สนับสนุนการฉีดวัคซีนในอัตราส่วนที่เท่าเทียมกัน
๖.จัดเตรียมยาและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่สังคมเกี่ยวกับวิธีรักษาโรคโควิด ๑๙ โดยต้องครอบคลุมถึงยาราคาถูก สมุนไพร ตลอดจนรูปแบบการรักษาที่ผลิตเองได้ภายในประเทศ
ด้วยข้อเสนอดังกล่าว ทางกลุ่ม 'คนไทยพิทักษ์สิทธิ์' เชื่อมั่นว่าจะช่วยให้การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังเป็นการบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตราการป้องกันปัญหาที่เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุผลอันสมควร อันจะช่วยให้ประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปได้ในที่สุด