‘พาณิชย์’ เดินหน้าเจรจามาตรการการค้าสหรัฐฯ
หวังบรรเทาผลกระทบต่อไทย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวชุติมา บุณยประภัศร) มีกำหนดเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 24-27 กรกฎาคม 2561 เดินหน้าหารือผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯ รวมทั้งภาคเอกชนสหรัฐฯ เร่งสานต่อความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน ในสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าโลกในปัจจุบัน และมุ่งเจรจาลดอุปสรรคและมาตรการการค้าสหรัฐฯ
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี ครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้หารือประเด็นด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน กับรองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (Ambassador Jeffrey D. Gerrish) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (Honorable Gilbert B. Kaplan) และที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโดนัลล์ ทรัมป์ ในด้านการค้าระหว่างประเทศ (Mr. Clete Willems)
เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุน และการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะการใช้มาตรการ 232 ในสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม และการไต่สวนมาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ ในสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วน
ซึ่งต้องการเน้นย้ำให้สหรัฐฯ ตระหนักว่าการนำเข้าสินค้าจากไทยเป็นการค้าที่เกื้อกูลต่ออุตสาหกรรมภายในสหรัฐฯ เอง และไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
นางสาวชุติมา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากการหารือกับภาครัฐ ยังจะมีการหารือกับบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและโอกาสทางการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ รวมทั้งแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สอดรับกับสถานการณ์ทางการค้าโลกในปัจจุบัน เพื่อให้สหรัฐฯ ยังคงเป็นคู่ค้าและนักลงทุนอันดับต้นของไทย
ทั้งนี้ ในปี 2560 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 3 ของไทย รองจากจีน และญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายมีมูลค่าการค้ารวม 41,400.82 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 13.30
โดยไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 26,536.64 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีสินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องนุ่งห่ม ผลไม้กระป๋องและแปรรูป
และไทยนำเข้าจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 14,864.18 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ น้ำมันดิบ อุปกรณ์ยานยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์