Amazing Thailand Health and Wellness Trade Meet 2018
ททท. เดินหน้าตามกระแสเทรนด์สุขภาพโลก
เจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มรักสุขภาพจากตลาดศักยภาพทั่วโลก
เช้าวันที่ 30 สิงหาคม 2561 ณ ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพมหานคร, นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Amazing Thailand Health and Wellness Trade Meet 2018 เพื่อเป็นเวทีในการเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพและความงามของผู้ประกอบการไทย (Seller) พบกับผู้ซื้อ (Buyer) จากต่างประเทศทั่วโลก อีกทั้งเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ศักยภาพความพร้อมของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวด้านสุขภาพและความงาม ซึ่งนำไปสู่การเสนอขายในตลาดต่างประเทศ
นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ กล่าวว่า ในปี 2561 ททท. ได้กำหนดกลยุทธ์ขยายฐานตลาดกลุ่มความสนใจพิเศษ ในแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มสุขภาพและความงาม เพื่อสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะ Health and Wellness Destination พร้อมทั้งนำเอาแนวคิดด้านสุขภาพและความงามมาเป็นแรงจูงใจให้เกิดการเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ทั้งนี้ ททท. เล็งเห็นว่านักท่องเที่ยวกลุ่มสุขภาพและความงามเป็นตลาดความสนใจเฉพาะที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูง อีกทั้งประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับในการบริการด้านสุขภาพและความงามในระดับสากล มีโรงพยาบาลด้านสุขภาพและความงามโดยเฉพาะ และสถานบริการด้านสุขภาพและความงามหลายแห่งที่มีชื่อเสียง รวมทั้งการใช้บริการด้านสุขภาพและความงามที่ประเทศไทยยังมีราคาที่คุ้มค่ากว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน
สำหรับการจัดงาน Amazing Thailand Health and Wellness Trade Meet 2018 ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 2 กิจกรรม คือ การเจรจาธุรกิจ (Trade Meet) ระหว่างผู้ประกอบการไทย ด้านสุขภาพและความงาม (Seller) และ ผู้ซื้อ (Buyer) จากทั่วโลก
ซึ่งในปีนี้ ผู้ขายเป็นผู้ประกอบการไทยด้านสุขภาพและความงาม จำนวน 30 ราย จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย อาทิ Bangkok Anti-Aging Center, Bangkok smile dental group, FITFAC Muaythai Academy, Amatara Wellness Resort เป็นต้น
มีผู้ซื้อจำนวน 73 ราย จากทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย อินเดีย การ์ต้า สหรัฐอาหรับเอมิเรต โดยมีประสานความร่วมมือในการเชิญผู้ซื้อที่มีศักยภาพผ่าน ททท. สำนักงานต่างประเทศ และการให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงาม (Health and Wellness Product Briefing)
เพื่อเป็นเวทีให้ผู้ประกอบการไทย อาทิ โรงพยาบาล สถานประกอบการ Wellness & Spa นำเสนอสินค้าและการบริการให้กับผู้ซื้อ เพื่อเป็นการให้ข้อมูล สร้างการรับรู้ก่อนเริ่มการเจรจาธุรกิจ
นางศรีสุดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ททท. ได้ศึกษาแนวโน้มของตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่ม Health and Wellness ของปี 2562 ของโลก ( Global Trend 2019) โดย อ้างอิงข้อมูลจาก Global Wellness Institute สามารถแบ่งได้เป็น 6 เทรนด์ ได้แก่
1.การสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ผสมผสานการดูและสุขภาพ ซึ่งจะทำให้การเดินทางสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งในประเทศไทยมีที่พักระดับ 4 ดาวขึ้นไป เพิ่มบริการทางด้าน health & wellness เพื่อเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าพักมากขึ้น อาทิ Banyan tree, Six sense เป็นต้น
2. การใส่ใจสุขภาพ 1,000 วันของเด็กแรกเกิด โดยส่งเสริมให้มีพัฒนาการทั้งสุขภาพที่ดีตั้งแต่วันที่ลืมตาดูโลกและปลูกฝังสุขนิสัยสุขภาพที่ดีให้กับเด็ก โดยพ่อแม่เป็นตัวแปรสำคัญ
3. อาหารเป็นยาหรืออาหารเพื่อสุขภาพ อาหารปลอดสารเคมี (organic food) หรือ การปรุงอาหารแบบ farm to table ซึ่งคนยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
4. การใส่ใจสุขภาพองค์รวมของร่างกายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ (Body, Mind and Spirit)
5. ลดการใช้เทคโนโลยีและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้มากขึ้น
6. แนวโน้มผู้หญิงดูแลสุขภาพมากขึ้น (self care) นำไปสู่การเดินทางเพื่อฟื้นฟูตัวเอง กระตุ้นพลังในตัวเอง
ทั้งนี้ ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มตลาดระยะใกล้ คือ ประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน
กลุ่มตลาดระยะไกล ได้แก่ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง สหพันธรัฐรัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
โดยมุ่งไปที่ประชากรกลุ่ม Millennials และ กลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน ซึ่งมีความสามารถในการตัดสินใจเดินทาง การใช้จ่าย และเป็นกลุ่มที่รักสุขภาพ พร้อมแสวงหาสิ่งที่ดีที่เหมาะกับตัวเอง