หอการค้าไทยร่วมกับหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI)
ต้อนรับ นายเวือง ดิ่งห์ เหวะ (H.E Mr. Vuong Dinh Hue)
ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
เพื่อฉลองการครบรอบ 10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์
เนื่องในโอกาสนายเวือง ดิ่งห์ เหวะ (H.E Mr. Vuong Dinh Hue) ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และเพื่อฉลองการครบรอบ 10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทยและเวียดนาม หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาธุรกิจไทยเวียดนาม,สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนามร่วมกับหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) จัดงานสัมมนา “Viet Nam - Thailand Business Policy & Legislation Forum: Enhancing Trade And Investment Collaboration” ในหัวข้อ "UNLOCKING TRADE AND INVESTMENT OPPORTUNITIES BETWEEN VIETNAM AND THAILAND" ในวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 13.30-17.00น. ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
โดยมีนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าร่วมงานและกล่าวต้อนรับ อีกทั้ง ได้รับเกียรติจาก นายเวือง ดิ่งห์ เหวะ (H.E Mr. Vuong Dinh Hue) ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม, นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย สมาชิกวุฒิสภาและประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-เวียดนาม, นาย ฟาน จิ๊ ทัญ (H.E Mr. Phan Chi Thanh), เอกอัครทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย, นายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม, นายเหงวียน ควัง วิญ (Mr. Nguyen Quang Vinh) รองประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI), นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เวียดนาและนายนิธิ ภัทรโชค เลขาธิการ สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนามพร้อมด้วยคณะผู้แทนจากรัฐบาลเวียดนามเข้าร่วมงานด้วย
โดยภายในงานจะมีการให้ข้อมูลอัพเดทความรู้ด้านส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยและเวียดนาม ากตัวแทนภาครัฐของเวียดนามและไทยรวมถึงภาคเอกชนไทยที่ประสบความสำเร็จ ในการเข้าไปลงทุนที่เวียดนาม จำนวนมากกว่า 300 คน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
งานสัมมนาในวันนี้เป็นเวทีสำคัญเพื่อรับทราบแนวทางการกำหนดนโยบายทางธุรกิจ และการอำนวยความสะดวกของภาครัฐ ที่จะเป็นแนวทางในการลงทุนร่วมกันระหว่างเวียดนามและไทย เราต้องส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ลดข้อติดขัดในเรื่องของการค้าข้ามพรมแดน และอำนวยความสะดวกในการลงทุน เพื่อทำให้เราสามารถปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจของเราอย่างเต็มประสิทธิภาพ
เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำงานร่วมกันกับผู้กำหนดนโยบายเพื่อปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการส่งเสริมการแข่งขันที่ยุติธรรมและปกป้องผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ความโปร่งใสของกฎหมาย,ระเบียบและข้อตกลงต่างๆ จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
ในวันนี้ยังมีการจัดงานเลี้ยงรับรองโดยสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม เป็นเจ้าภาพและมีการพูดคุยในประเด็น กฎหมายการลงทุน เช่น การขอให้ยึดมั่นต่อข้อกฏหมายตามที่ได้แถลงไว้กับนักลงทุน การประกาศใช้และบังคับข้อกฏหมายและกฏระเบียบใหม่ๆ เช่น ภาษีคาร์บอน, โซลาร์เซล ซึ่งในเรื่องนี้ต้องการให้ภาครัฐสอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกันก่อนมีผลบังคับใช้
รวมถึงการแก้ไขการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในเวียดนาม และควบคุมราคาพลังงานไฟฟ้าให้ไม่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อทำให้ภาคเอกชนสามารถแข่งขันได้ ในด้านพลังงานสะอาด ต้องการให้ภาครัฐพิจารณาและมีนโยบายในการขอใบอนุญาตและดำเนินการติดตั้งที่สะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังมีการดำเนินการส่งเสริมในประเด็น Connectivity การเชื่อมโยงในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการค้าข้ามพรมแดน SMEs, Startup, Digital economy และการดำเนินธุรกิจของคนรุ่นใหม่
ในโอกาสนี้นายเวือง ดิ่งห์ เหวะ (H.E Mr. Vuong Dinh Hue) ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้แจ้งกับผู้เข้าร่วมว่า มีแผนการที่จะเชิญนายกรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงของไทย ในการเยือนประเทศเวียดนามอย่างเป็นทางการในปีหน้า เพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนให้มากขึ้น
อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญของงานสัมมนาในวันนี้ คือ พิธีเปิดตัว "หอการค้าเวียดนามในประเทศไทย" (Vietnam Thai Chamber of Commerce-VTCC) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันการแลกเปลี่ยนทางการค้าและการลงทุนของเวียดนามในประเทศไทย
รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่สะดวกเพื่อให้ทั้งสองประเทศบรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้า 2 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในปีแห่งการครบรอบความสัมพันธ์ 10 ปี หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทยและเวียดนาม
การจัดงานในวันนี้ถือเป็นผลสำเร็จอีกขั้นของความสัมพันธ์ไทยและเวียดนาม ซึ่งตอกย้ำว่าภาคเอกชนไทยมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในเวียดนามเป็นอย่างมาก
ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 การลงทุนจากประเทศไทยในเวียดนาม มี 48 โครงการใหม่ ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 462 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีการปรับเพิ่มเงินทุน 173 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีการซื้อหุ้นในธุรกิจเวียดนามด้วยมูลค่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในปัจจุบัน ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 9 โดยมี 726 โครงการ ด้วยมูลค่าเงินทุนจดทะเบียนรวม 13,843 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ลงทุนด้านอุตสาหกรรมการผลิตและการแปรรูป ภาคการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น
นักลงทุนไทยรายใหญ่ที่ลงทุนในเวียดนาม เช่น TCC Group, Central Group, SCG, CP Vietnam, Hemaraj, ThaiBev, Amata, Grimm Power, Super Energy Corporation, Stark Coporation, Gunkul Engineering, Gulf Energy Development, J.S.T Vietnam เป็นต้น