จุรินทร์ พาอาเซียนรุดหน้า! ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
เคาะแล้ว 4 เรื่องพร้อมผนึกกำลังเพื่ออนาคต
6 กันยายน 2562 เวลา 15.30 น. ณ โรงแรมแชงกรี ล่า กรุงเทพฯ: ภายหลังการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 51 (AEM) ซึ่งเป็นหนึ่งในวาระการประชุมในวันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สามารถสรุปเป็นเบื้องต้นได้ คือ เรื่องที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการทำงานตาม AEC Blueprint 2025 โดยได้เริ่มความเห็นชอบเอกสารรวม 4ฉบับ คือ ฉบับที่ 1 ก็คือเรื่องแผนการดำเนินงานด้านดิจิทัล ของอาเซียนในปี 2019 ถึง 2025 ฉบับที่ 2 ก็คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ฉบับที่ 3 ก็คือในเรื่องของแนวทางการพัฒนาคน เพื่อรองรับ 4IR และฉบับที่ 4 คือ แนวทางการส่งเสริมการใช้ดิจิทัลของ MSMEs โดยที่ประชุมให้ความเห็นชอบให้ปฏิบัติและดำเนินการตามนี้
นายจุรินทร์ กล่าวว่า เฉพาะในเรื่องของด้านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ 4IR ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการอาเซียน ได้ไปจัดทำแผนยุทธศาสตร์อาเซียนด้าน 4IR ซึ่งมีประเด็นเพิ่มเติมก็คือ ในเรื่องของ 4IR นั้น ไม่ควรจะเป็นเรื่องเฉพาะเสาเศรษฐกิจของอาเซียนแค่เพียงเสาเดียว แต่ควรจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับอีก 2 เสา ที่เป็นความร่วมมือด้านของอาเซียนด้วย นั่นก็คือเสาทางด้านสังคมและวัฒนธรรมและเสาทั้งด้านการเมืองและความมั่นคงด้วย ซึ่งมันจะเกี่ยวพันกับ 4IR
ในประเด็นต่อมา ก็คือประเด็นที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ได้มีการหารือเพื่อเตรียมการสำหรับการที่จะเจรจากับคู่เจรจาทั้งหมด 12 คู่ด้วยกัน ในวันที่ 8 - 10 กันยายนนี้ 12 คู่ที่ว่านี้ ประกอบด้วย ยกตัวอย่างเช่นอาเซียน-จีน อาเซียน-เกาหลีใต้ อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-อินเดีย อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อาเซียน-รัสเซีย และอาเซียน-สหรัฐ และอาเซียน-แคนาดา และอาเซียน-สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งนี้ ถือว่ามีความคืบหน้าเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง 10 ประเทศอาเซียน จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน อย่างน้อยที่สุดก็ในประเด็นที่หนึ่ง ในเรื่องของการที่จะได้ผนึกกำลังกันในการเตรียมการรับมือกับอนาคต ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงกระบวนการการผลิตสินค้าและบริการ ที่จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา หรือว่าในเรื่องของการเตรียมรับมือเรื่องของคนที่จะต้องสามารถสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
รวมทั้งเทคโนโลยีทางด้านการผลิตสินค้าและบริการที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนั้น ก็จะเป็นประโยชน์ในเรื่องของการส่งเสริมการค้าระหว่างกัน ในการเพิ่มตัวเลขการส่งออก การลดปัญหาอุปสรรคทางการค้าซึ่งกันและกัน รวมไปถึงการร่วมกันลดอุปสรรคทางการค้ากับประเทศคู่ค้านอกอาเซียนด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประโยชน์อีกเรื่องนึงก็คือ อาเซียนก็มีความตั้งใจ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ในการที่จะเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอี โดยเฉพาะ MSMEs นั่นก็คือเอสเอ็มอีขนาดเล็กลงไปอีก ได้มีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองเข้าไปสู่ยุคเศรษฐกิจยุคใหม่ ที่จะต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการพัฒนาตนเอง เพื่อที่จะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป และก็เป็นการเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งสุดท้ายก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจฐานราก รวมทั้งประชาชนในระดับฐานรากต่อไปด้วย
" อันนี้ก็จะเป็นภาพรวมทั้งหมดที่พอจะเรียนได้ จากการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เมื่อสักครู่ ส่วนในช่วงค่ำวันนี้ การประชุมนัดถัดไปในช่วงอาหารค่ำ ก็จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ซึ่งเป็นภาคเอกชน ก็จะมีการประชุมร่วมกันในช่วงอาหารค่ำ " นายจุรินทร์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะต้องเป็นประธานดำเนินการประชุมอีกหลายวาระในทั้งหมด3 กลุ่มของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งกำหนดการของวันที่ 7-8 กันยายน 2562 จะเป็นประธานการประชุมอาร์เซ็ป หรือ การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ16 ประเทศ ที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทย และนายจุรินทร์มีความพยายามร่วมกันที่จะให้การเจรจาหุ้นส่วนเศรษฐกิจกลุ่มนี้หาข้อสรุปให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้เพื่อจะนำไปสู่การประชุมครั้งสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายน 2562 และตั้งเป้าหมายว่าจะให้การเจรจานี้เป็นที่ยุตินำไปสู่การลงนามในปีหน้า ซึ่งถ้าเป็นไปตามเป้าหมายและมีผลบังคับใช้จะทำให้ประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์มากคือมีตลาดการค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งเป้าหมายของรัฐบาลไทยคือต้องการที่จะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศให้กับประชาชนฐานรากของสังคม