เนสท์เล่ไอศกรีม เดินหน้าสู่การผลิตด้วยพลังงานทดแทน 100%
จับมือ กฟผ.ซื้อพลังงานสะอาดแบบเจาะจงแหล่งที่มา เป็นรายแรกของธุรกิจ FMCG ในไทย
Nestlé Ice Cream moves forward to 100% renewable-powered production,
the first FMCG company in Thailand to collaborate with EGAT in Utility Green Tariff project
กลุ่มธุรกิจเนสท์เล่ ไอศกรีม ภายใต้บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด นำร่องผลิตไอศกรีมโดยใช้พลังงานทดแทน 100% ภายใต้โครงการนำร่องรูปแบบใหม่กับ กฟผ. ในปี 2023 นับเป็นรายแรกของอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ในประเทศไทย ที่ใช้รูปแบบการซื้อขายพลังงานทดแทนแบบเจาะจงแหล่งที่มา (Utility Green Tariff) ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดจะช่วยให้บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
การใช้ไฟฟ้าสีเขียวในครั้งนี้ เป็นโครงการความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ในการใช้พลังงานสะอาดเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ ไอศกรีมที่โรงงานบางชันตลอดปี 2023 เพื่อส่งต่อไอศกรีมที่ดีต่อใจและดีต่อโลกให้กับคนรักไอศกรีมทั่วประเทศ และยังมีส่วนช่วยให้โลกของเราเย็นขึ้นอีกด้วย
นอกจากการใช้พลังงานทดแทนแล้ว กลุ่มธุรกิจเนสท์เล่ ไอศกรีม ยังมีการดำเนินการต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อาทิ การเปลี่ยนไปใช้ตู้แช่ไอศกรีมที่ใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้รถสามล้อไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายไอศกรีม รวมถึงการเปลี่ยนมาใช้ซองไอศกรีมที่ทำจากกระดาษ 100% ในผลิตภัณฑ์กลุ่มเอ็กซ์ตรีม นามะ และเนสท์เล่คิทแคท เป็นต้น พร้อมตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ข้อ 7 ในเรื่องการเข้าถึงพลังงานสะอาดราคาถูก ข้อ 12 ในเรื่องการบริโภคและผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และข้อ 13 ในเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อน
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า
“เนสท์เล่มีเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งหนึ่งในโครงการภายใต้แผนงานด้านความยั่งยืนในประเทศไทยเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าวก็คือ การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 100% ในโรงงานผลิตของเนสท์เล่ทุกแห่งภายในปี 2025
ในวันนี้ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ กฟผ. ในการใช้พลังงานสะอาด 100% มานำร่องใช้ที่โรงงาน เนสท์เล่ ไอศกรีม อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีเป็นรายแรกในอุตสาหกรรม FMCG ในประเทศไทย ภายใต้โครงการ Utility Green Tariff
ในฐานะบริษัทธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนสท์เล่ตระหนักดีว่า การผลิตของเรามีส่วนในการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และวันนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเนสท์เล่ เพื่อร่วมมือกันพัฒนาประเทศไทยและโลกของเราให้ยั่งยืนและน่าอยู่ยิ่งขึ้น”
นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ ในฐานะ Project Management Office การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
“ความร่วมมือระหว่างเนสท์เล่ ประเทศไทย กับ กฟผ. ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นภาคอุตสาหกรรมหลักที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภค พร้อมทั้งทดสอบกลไกการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการจัดหาพลังงานไฟฟ้าสีเขียวแบบเจาะจงแหล่งที่มา (Utility Green Tariff) ในโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน ระยะที่ 2 (ERC Sandbox ระยะที่ 2) เป็นระยะเวลา 1 ปี
โดย กฟผ. จะทำหน้าที่เป็น หน่วยงานกลางการบริหารจัดการไฟฟ้าสีเขียว (Arrangement Unit) ให้บริการการบริหารจัดการกลไกการจับคู่การผลิตไฟฟ้าสีเขียวแบบเจาะจงแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าสีเขียว (Green Energy Portfolio) ตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าจริงรายวันของโรงงาน เนสท์เล่ ไอศกรีม ส่งมอบพร้อมใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ที่ตรงตามแหล่งผลิตและปริมาณการใช้ไฟฟ้าดังกล่าว เพื่อทดสอบรูปแบบการจัดหาพลังงานไฟฟ้าสีเขียวรูปแบบใหม่ที่จะส่งเสริมและยกระดับภาคพลังงานไฟฟ้าสีเขียวของไทยสู่มาตรฐานสากล
โดย กฟผ. พร้อมสนับสนุนภาคธุรกิจในการให้บริการด้านพลังงานไฟฟ้าสีเขียว เพื่อผลักดันสู่การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียว และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วยนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป”
ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการร่วมผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานทดแทน พร้อมส่งเสริมการสร้างแหล่งผลิตพลังงานสะอาดในประเทศ เพื่อสร้างสรรค์โลกที่น่าอยู่ และส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป
Nestlé Ice Cream, under Nestlé (Thai) Ltd., will become a pioneer in ice-cream production by using 100% renewable energy under a new pilot project with EGAT that will take place throughout 2023. This makes Nestlé the first FMCG company in Thailand to shift to renewable energy in EGAT’s Utility Green Tariff sandbox project. The transition to green energy will help Nestlé reduce carbon emissions and move the company closer to achieving Net Zero emissions by 2050.
This green energy initiative is a major collaboration involving Nestlé (Thai) Ltd., the Electricity Generating Authority of Thailand (EGAT), and Innopower Co., Ltd. The production of ice cream at Nestlé’s Bangchan Factory will be powered by green energy throughout 2023, delivering the ice cream that cares for consumers and also the planet as it helps to cool down the temperature.
In addition to adopting renewable energy, Nestlé’s Ice Cream Business has implemented other carbon reduction initiatives such as switching to eco-friendly ice cream freezers and using electric tricycles as mobile units. The company has also switched to paper packaging for Nestlé Extreme Nama and Nestlé Kit Kat products. This is in response to Article 7 in the United Nations’ Sustainable Development Goals (SDGs) on access to affordable, sustainable energy, as well as Articles 12 and 13 regarding responsible production and consumption and global warming solutions.
Mr. Victor Seah, Chairman and CEO, Nestlé Indochina, said, “Nestlé has an ambition to achieve zero greenhouse gas emissions, or net zero, by 2050. Part of our sustainability roadmap is to achieve the goal of using 100% renewable electricity at all our production sites by 2025. Today, I am very pleased and honored to collaborate with EGAT to have our Nestlé Ice Cream Factory powered by 100% green electricity from renewable sources. Nestlé Ice Cream is the first FMCG business in Thailand to receive a consistent supply of green energy throughout the year under the Utility Green Tariff. As the largest food and beverage company in the world, Nestlé understands our manufacturing operations have a significant footprint. Today is a huge milestone in our journey to make Thailand and the world a more sustainable place to live in.”
Mr. Warit Rattanachuen, Assistant Governor – Research, Innovation, and Business Development at the Project Management Office of the Electricity Generating Authority of Thailand (EGAT), said, “This collaboration between Nestlé Thailand and EGAT is a significant step in advancing the use of electricity supplied from renewable energy in the food industry, a key industry that is close to consumers. This initiative originates from an alliance that participated in an experimental project to supply electricity from renewable energy called the Utility Green Tariff. It’s under the ERC Sandbox Project, Phase 2, which will last for one year with a goal to create a standard for energy innovation.”
“EGAT will serve as the Arrangement Unit providing management services for matching mechanisms for green power generation that specifies a Green Energy Portfolio in accordance with the Nestlé Ice Cream factory's actual daily electricity demand. It is delivered with a Renewable Energy Certificate (REC) that matches production sites and the quantity of power consumed to test a new green power supply model for EGAT that will promote and elevate the Thai green power sector to international standards. This includes support for the business sector in providing green power services that drive the transition to green electricity and enhance Thailand’s economic competitiveness with environmentally friendly electrical energy innovations in the future,” he added.
This collaboration to adopt green energy marks a significant step for the country in transitioning to electricity generated from renewable sources, which will help ensure a livable world and give the next generation a brighter future.
บรรยายภาพ (จากซ้ายไปขวา) :
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า
นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ ในฐานะ Project Management Office การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด